หากคุณต้องการแก้ไข หรือตกแต่งภาพบนคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์อะไรที่คุณจะคิดถึงเป็นอันดับแรก เชื่อว่าเกือบทุกคนน่าจะคิดถึง โปรแกรม Adobe Photoshop (จากนี้ไปขอเรียกโปรแกรมนี้สั้นๆ ว่า "โฟโต้ชอป - Photoshop" นะครับ) จาก บริษัท Adobe เป็นอันดับแรกนะ มันเป็นหนึ่งใน โปรแกรมแต่งรูป (Photo Editing Software) ที่มีความเก่าแก่ และได้รับความไว้วางใจมากที่สุด ความนิยมของมันมากพอที่จะให้ชื่อซอฟต์แวร์อย่าง Photoshop กลายเป็นคำกริยา ที่หมายถึงการแก้ไขรูปภาพเลยทีเดียว คงไม่ต้องอธิบายว่ามันได้รับความนิยมมากขนาดไหน ?
ในบทความนี้เราอยากจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ โปรแกรม Photoshop กันให้มากขึ้น ว่ามันมีความเป็นมาอย่างไร ? แล้วมีการพัฒนามาไกลมากขนาดไหน
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
การตกแต่งแก้ไขรูปภาพ (Photo Manipulation) นั้นมีมานานแล้ว สามารถย้อนกลับไปได้ถึงหลายร้อยปีก่อนเลยล่ะ กล้องถ่ายภาตัวแรกของโลก ถูกสร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1816 โดยนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า Nicephore Niepce ต่อมาตากล้องได้พยายามรังสรรค์เทคนิคการแก้ไขรูปภาพขึ้นมา เพื่อให้ได้ภาพที่มีความหลากหลายมากขึ้น มีตั้งแต่การใช้กระจกมาช่วยให้เกิดมิติภาพแปลก ๆ, การใช้หมึกมาเขียนภาพลงบนฟิล์มก่อนที่จะล้าง, การซ้อนฟิล์ม ฯลฯ ซึ่งเอาจริง ๆ ก็มีหลายเทคนิคที่ยังถูกใช้งานมาจนถึงปัจจุบันนี้
กล่าวได้ว่าการตกแต่งแก้ไขรูปภาพในอดีตเป็นเรื่องที่ยาก และต้องใช้ทักษะเป็นอย่างมาก มันไม่ได้แค่ใช้เมาส์คลิกในคอมพิวเตอร์เหมือนย่างในปัจจุบันนี้ นอกเหนือจากการแก้ไขภาพที่ฟิล์มโดยตรงแล้ว ยังมักจะมีการใช้พู่กัน หรือแอร์บรัช มาแก้ไขภาพที่ผลถูกพิมพ์ออกมาแล้วด้วย เรียกได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำงาน
การรีทัชภาพในปี ค.ศ. 1940
ภาพจาก : https://www.photoion.co.uk/blog/photo-editing-before-photoshop/
แต่ทุกอย่างเริ่มง่ายขึ้น เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยก่อนที่กล้องดิจิทัลจะถูกพัฒนาขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีการสแกนรูปภาพเป็นไฟล์ด้วยเครื่องสแกนเนอร์เพื่อนำภาพไปแก้ไขบนคอมพิวเตอร์ เนื่องจากกล้องดิจิทัลในยุคแรก ๆ เป็นอุปกรณ์ที่ดูคูลก็จริง แต่คุณภาพของไฟล์ภาพก็จัดว่าแย่ หน่วยความจำก็ราคาแพงมาก จึงไม่น่าแปลกที่คนจะนิยมถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มกันมากกว่า และหากต้องการแก้ไขรูปภาพด้วยคอมพิวเตอร์ ก็แค่ใช้เครื่องสแกนเนอร์เข้ามาช่วย
อย่างในปี ค.ศ. 1989 ก็มีเครื่อง Barneyscanner วางจำหน่ายในท้องตลาด มันสามารถสแกนภาพดิจิทัลจากฟิล์มขนาด 35 มม. เป็นไฟล์ดิจิทัลเพื่อแสดงผลบนเครื่อง Macintosh ซึ่งมันมาพร้อมกับซอฟต์แวร์แก้ไขรูปภาพที่มีชื่อว่า "Barneyscan XP" ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวก็มี Adobe Inc. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วยเช่นกัน
ซอฟต์แวร์แต่งรูปชื่อก้องโลกอย่าง Photoshop นั้น ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยฝีมือของสองพี่น้องตระกูล Knoll ที่ชื่อว่า Thomas Knoll และ John Knoll โดยพวกเขาสร้างมันขึ้นมาในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ก่อนที่จะขายลิขสิทธิ์การเผยแพร่ (Distribution License) ของ Photoshop ให้กับบริษัท Adibe System Inc. ในปี ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531)
แต่หลังจากนั้นหลายปี ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ก็ขายสิทธิบัตรของซอฟต์แวร์ให้กับทาง Adobe ไปในมูลค่า $34,500,000 หรือหากคิดตามอัตราเงินเฟ้อ ในปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) ก็จะมีมูลค่าเท่ากับ $36,726,768 (ประมาณ 1,259,269,057 บาท)
ภาพจาก : https://schewephoto.com/pei/
ซึ่งในช่วงเริ่มแรก มันก็ไม่ใช่ซอฟต์แวร์แต่งรูป แต่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้แสดงผลรูปภาพขาวเทา (Grayscale) บนหน้าจอแสดงผลแบบขาวดำ (Monochrome) เท่านั้นเอง แต่ด้วยแรงผลักดันของ John Knoll ทำให้ Thomas ตัดสินใจลาออกจากบริษัท Industrial Light and Magic ที่เขากำลังทำงานอยู่ในขณะนั้น เพื่อมาทุ่มเทเวลาสร้างซอฟต์แวร์ตกแต่งแก้ไขรูปภาพ (Photo Manipulation) อย่างเต็มตัว
Thomas Knoll รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมพัฒนา Photoshop จนถึงเวอร์ชัน CS4 ส่วนในปัจจุบัน เข้าทำงานด้านการพัฒนาปลั๊กอิน Camera Raw สำหรับใช้ในการแก้ไขไฟล์ภาพดิบ (Raw Image) ที่ถ่ายจากกล้องดิจิทัล
ถึงแม้ว่า Photoshop จะไม่ใช่ซอฟต์แวร์แก้ไขรูปภาพตัวแรกของโลก แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นซอฟต์แวร์ตัวแรก ๆ ที่เป็นผู้บุกเบิกซอฟต์แวร์ประเภทนี้ พี่น้องตระกูล Knoll เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "Display" ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Lawrence Livermore National Laboratory (LLNL) เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการแก้ไขรูปภาพดิจิทัล โดย Thomas Knoll ได้สมัครเข้าทำงานที่ LLNL เพื่อช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ Display จากนั้นเขาก็นำโค้ดมาดัดแปลงใช้งานในซอฟต์แวร์ Photoshop ของเขาด้วย
ก่อนที่ Adobe จะเข้าซื้อโปรแกรม Photoshop จากสองพี่น้อง Thomas และ John ได้พยายามทำการตลาดด้วยตนเองอย่างสุดความสามารถ พวกเข้าได้ทำข้อตกลงกับบริษัทสแกนเนอร์อย่าง Barneyscan ช่วยให้สามารถขายซอฟต์แวร์ออกไปถึง 200 ชุด โดยเป็นการขายพ่วงให้กับผู้ที่ซื้อเครื่องสแกนเนอร์
แม้ตัวเลขแค่ 200 ชุด อาจจะดูน้อย แต่อันที่จริงมันก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว อย่าลืมว่านี่เป็นซอฟต์แวร์แก้ไขภาพตัวแรกที่เปิดตัวสู่สาธารณชน แต่เมื่อ Adobe เข้ามาขอซื้อสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย และเปิดตัวในฐานะผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Adobe ในชื่อ Photoshop 1.0
ผ่านไปแค่เพียงปีเดียวทาง Adobe ก็เปิดตัว โปรแกรม Adobe Photoshop 2.0 มันมาพร้อมกับเครื่องมือใหม่ ๆ มากมาย "Paths" ก็ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นครั้งแรกในเวอร์ชันนี้ แล้วก็มีมาจนถึงปัจจุบัน โดยมันถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Mark Hamburg วิศวกรคอมพิวเตอร์อีกคนที่ในเวลานั้นเป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวของ Thomas Knoll นอกจากนี้ Photoshop 2.0 ยังถูกอัปเดตให้รองรับ CMYK และ EPS rasterization ซึ่งทั้งคู่ก็ยังเป็นคุณสมบัติที่มีใน Photoshop มาจนถึงทุกวันนี้
Photoshop 2.5 เปิดตัวตามมาในปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) มันเป็น Photoshop เวอร์ชันแรกที่พัฒนาลงระบบปฏิบัติการ Windows โดยทาง Adobe ได้ใช้เวลาถึง 3 ปีในการเขียนโค้ดใหม่ เพื่อให้รองรับปฏิบัติการ Windows ได้ และมีการเพิ่มคุณสมบัติให้รองรับ 16 บิตต่อชาแนล กับการแยกแถบเครื่องมือพิเศษสำหรับใช้ในเครื่องมือฟิลเตอร์ด้วย
ในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ทาง Adobe ได้เปิดตัว โปรแกรม Adobe Photoshop 3.0 ออกมา Thomas Knoll ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เข้ามา นั่นก็คือ "Layers" มันช่วยให้การแก้ไขรูปภาพง่ายขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก แทนที่จะแก้ไขลงบนภาพดั้งเดิมโดยตรง ก็เพิ่มเลเยอร์เข้าไป แล้วแก้ไขซ้อนทับลงไป
สำหรับโปรแกรม Adobe Photoshop 4.0 เปิดตัวในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) เครื่องมือใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็จะมี "Actions" และ "Adjustment Layers"
Actions เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถบันทึกการกระทำต่าง ๆ เอาไว้ได้ เพื่อเล่นซ้ำในการทำงานครั้งถัดไปได้แบบอัตโนมัติ ส่วน Adjustment Laters จะเป็นการปรับแต่งเอฟเฟคให้กับกลุ่มเลเยอร์ สองอย่างนี้เป็นคุณสมบัติหลักในการทำงานของ Photoshop แม้ว่าจะเป็นในยุคสมัยนี้ก็ตาม มองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าน่าทึ่งเหมือนกันนะ ที่มันเป็นคุณสมบัติที่ถูกพัฒนาขึ้นมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว
โปรแกรม Adobe Photoshop 5.0 ก็ยังคงมาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่หลายอย่างที่ช่วยให้นักกราฟิกทำงานได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น Editable Type ที่ช่วยแก้ปัญหาด้านการใส่ตัวอักษรลงในภาพ จากเดิมที่เมื่อพิมพ์ข้อความเสร็จตัวอักษรจะกลายเป็นภาพทันที ทำให้การแก้ไขเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ใน Photoshop 5.0 เราสามารถคลิกแก้ไขได้ตลอดเวลาอย่างง่ายดาย, เพิ่มระบบ Multiple Undos ช่วยให้คุณยกเลิกการกระทำล่าสุดได้หลายครั้ง, ระบบจัดการสี Color Management และ Magnetic Lasso
ส่วน Photoshop 5.5 มีการปรับปรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการ "Save for Web" ก็ถูกใส่เข้ามาให้เป็นครั้งแรกในเวอร์ชันนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ทำเว็บกราฟิกทำงานง่ายขึ้น
สำหรับโปรแกรม Adobe Photoshop 6.0 มาพร้อมกับความสามารถในการสร้างรูปทรงแบบเวกเตอร์ (Vector) ได้ และเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างกราฟิกแบบเวกเตอร์ อีกหลายตัว รวมถึงอัปเดตการออกแบบ หน้าตาโปรแกรม หรือ ส่วนประสานงานกับผู้ใช้ (User Interface) ของซอฟต์แวร์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย
ความเก่งกาจของ โปรแกรม Adobe Photoshop นั้น อยู่ที่มันมีเครื่องมือ (Tool) ให้เลือกใช้งานอยู่มากมาย เพื่อรองรับการแก้ไขภาพได้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม มันก็ทำให้ Photoshop กลายเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานยากตามไปด้วย มือใหม่มาใช้ก็จะงงกับความซับซ้อนของมัน หาเครื่องมือที่ต้องการใช้งานไม่เจอ
เป็นเหตุผลให้ในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ทาง Adobe เปิดตัว โปรแกรม Adobe Photoshop Elements ออกมา โดยมันเป็น Photoshop ในเวอร์ชันที่ถูกลดทอนความสามารถลง โดยเหลือเอาไว้แค่เพียงเครื่องมือพื้นฐานเท่าที่จำเป็น เพื่อให้มันใช้ง่ายขึ้น เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป หรือมือใหม่ที่ไม่ได้ต้องการแก้ไขภาพซับซ้อนมากนัก และราคาก็ถูกปรับให้ลดลงด้วย
Photoshop Elements สามารถกล่าวได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ประสบความสำเร็จพอสมควร จนถูกพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ เคียงข้างมากับ Photoshop
ในโปรแกรม Adobe Photoshop 7.0 นั้น ทาง Adobe ก็ได้เพิ่มเครื่องมือที่สาว ๆ และช่างภาพสุดชื่นชอบเข้ามาเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ "Healing Brush" นั่นเอง แล้วก็ยังมีการปรับให้การใส่ตัวอักษรกลายเป็น Vectorized อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังปรับการแสดงผลไฟล์ช่วยให้ค้นหาไฟล์ที่ต้องการใช้งานง่ายขึ้น และหัวแปรงยังถูกเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง รวมถึงแก้ไขปัญหาความเสถียรของตัวซอฟต์แวร์ ที่ก่อนหน้านี้เวอร์ชัน Mac ชอบค้างให้อีกด้วย
ในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) บริษัท Adobe ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้ชื่อว่า "Adobe Creative Suite" ซึ่งอันที่จริงก็แค่การเอาซอฟต์แวร์หลายตัวมามัดรวมขายเป็นชุดแค่นั้นแหละ โดยใน Creative Suite เวอร์ชันแรก (CS1) ก็จะมีอยู่ 2 เวอร์ชัน ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ดังต่อไปนี้
เวอร์ชัน Standard
| เวอร์ชัน Premium
|
และแน่นอนว่า โปรแกรม Adobe Photoshop 8.0 ก็จะถูกรวมไว้ใน Adobe Creative Suite ด้วย โดยใน Photoshop เวอร์ชันนี้ได้มีความสามารถที่มีประโยชน์ถูกเพิ่มเข้ามาหลายอย่าง เช่น สามารถตรวจสอบรูปธนบัตรได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการตกแต่ง และพิมพ์ธนบัตรปลอมออกมา
นอกจากนี้ ยังรองรับการทำงานกับคอมพิวเตอร์ที่มีสเปคสูงขึ้นตามยุคสมัยอีกด้วย โดยใน Photoshop 8.0 สามารถแก้ไขไฟล์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 2GB ได้แล้ว, ขนาดของผ้าใบก็ถูกเพิ่มเป็น 300,000 x 300,000 พิกเซล และเพิ่มฟิลเตอร์ใหม่ ๆ เข้ามาอีกมากมาย
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
สำหรับโปรแกรม Adobe Photoshop CS2 ได้ถูกเปิดตัวขึ้นในปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) มาพร้อมกับลูกเล่นใหม่ ๆ มากมายอีกเช่นเคย ที่ค่อนข้างโดดเด่นก็อย่างเช่น คุณสมบัติ "ลบตาแดง" ที่เดิมที มีแค่ใน Photoshop Elements, สามารถเลือกหลายเลเยอร์พร้อมกันได้แล้ว, เพิ่มเครื่องมือ Vanishing Point เพื่อแก้ไขภาพแบบ Perspective แล้วก็ในส่วนของ Smart Objects สามารถรักษาคุณภาพของรูปเอาไว้ได้ในกรณีที่มีการย่อ-ขยาย
อย่างไรก็ตาม Photoshop CS2 มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ User Interface ใหม่ ทำให้ผู้ใช้หลายคนที่ใช้ Photoshop มานานจนชินกับหน้าตาแบบเดิม ๆ ไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
ถึงแม้ว่า โปรแกรม Adobe Photoshop CS3 จะออกมาหลังจากเวอร์ชันก่อนหน้านานถึง 2 ปี แต่มันกลับไม่ได้มีคุณสมบัติใหม่ใส่เข้ามาให้มากนัก โดยเวอร์ชันนี้จะเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของซอฟต์แวร์เสียมากกว่า
โดย Photoshop ทั้งบนระบบปฏิบัติการ macOS และ Windows นั้นได้ถูกปรับปรุงให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้จะสัมผัสได้ว่ามันเปิดพร้อมทำงานเร็วกว่าเดิม และด้วยความที่มันเป็นยุคที่สมาร์ทโฟนก็กำลังเริ่มต้นขึ้น ใน Photoshop CS3 จึงมีโหมดในการปรับภาพให้เหมาะสมกับการแสดงผลบนอุปกรณ์พกพาใส่เข้ามาด้วย
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
โปรแกรม Adobe Photoshop CS4 เปิดตัวในปีค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) มันได้ปรับปรุงความเร็วในการ "ขยาย" และ "เลื่อน" ภาพให้เร็ว และลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามันทำงานได้อืดมาก แต่ใน CS4 มันซูมได้ในพริบตาเลย แล้วเวอร์ชันนี้ก็ได้มีการปรับปรุงในส่วนของ User Interface ให้มีความเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น
คุณสมบัติ Tabs ที่ช่วยให้เปิดได้หลายงานพร้อมกันก็ถูกใส่เข้ามาในเวอร์ชันนี้ ส่วนพวกเครื่องมือใหม่ ๆ ก็ถือว่าโดดเด่น โดยมีการเพิ่มเครื่องมือ Masks, Adjustment panel, Content-Aware Scaling และ Auto-- Alignment of layers เข้ามา
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
โปรแกรม Adobe Photoshop CS5 เป็นเวอร์ชันที่ผู้เขียนในตอนนั้นชอบเรียกว่าเวอร์ชันปลาวาฬ เพราะหน้าตาตอนบูตซอฟต์แวร์ขึ้นมาดูคล้ายกับปลาวาฬที่ถูกพับด้วยกระดาษ อะไรทำนองนั้น
มันเปิดตัวในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) มีเครื่องมือดี ๆ หลายอย่างที่ช่วยให้การรีทัชภาพทำได้ง่ายดายขึ้น ถูกใส่เข้ามาในเวอร์ชันนี้ อย่างเช่น Content-Aware Fill, Puppet Warp, Refine Edge ฯลฯ
และในช่วงเวลาเดียวกัน ทาง Adobe ก็ได้เสนอระบบสมัครสมาชิก (Subscription) เข้ามาเป็นครั้งแรก ซึ่งมีผู้ใช้งานเป็นส่วนร่วมด้วย โดยทาง Adobe ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ 30 รายการ ที่ทางผู้ใช้เรียกร้องขอให้ใส่เข้ามา
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
โปรแกรม Adobe Photoshop CS6 ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) นั้นได้มาพร้อมกับ User Interface รูปแบบใหม่ทั้งหมด, มีระบบบันทึกไฟล์อัตโนมัติ และลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีประโยชน์ใส่เข้ามาให้เพียบ เช่น เครื่องมือยืดภาพ และแก้ไขวิดีโอ
อย่างไรก็ตาม Photoshop CS6 นั้นได้ยุติการรองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP อีกทั้งทาง Adobe ได้ประกาศว่าจะเลิกวางจำหน่ายซอฟต์แวร์แบบ สิทธิ์การใช้งานแบบซื้อขาด (Perpetual License) เพื่อเปลี่ยนไปใช้ ระบบสมัครสมาชิก หรือสิทธิ์การใช้งานแบบเช่าใช้ (Subscription License) อย่างเต็มรูปแบบแทน เพื่อให้ทุกคนหันไปใช้งาน Creative Cloud
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
โปรแกรม Photoshop CC ถูกเปิดตัวในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของ Photoshop เพราะทาง Adobe ได้ตัดสินใจเลิกขายซอฟต์แวร์แบบซื้อขาด และให้เช่าใช้งานแทนเป็นแบบรายเดือน หรือรายปีภายใต้ชื่อ "Creative Cloud"
แม้ความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้มีผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ แต่ก็มีข้อดีหลายอย่างอยู่เหมือนกัน เช่น แทนที่จะต้องจ่ายค่าซอฟต์แวร์ราคาแพงในทีเดียว ก็เหมือนผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนได้ แถมเดือนไหนไม่ใช้ก็ไม่ต้องจ่าย นอกจากนี้ ทาง Adobe ยังนำระบบคลาวด์มาใช้ ให้สามารถซิงค์ข้อมูลรูปข้ามอุปกรณ์ทั้งหมดได้ด้วย
ในส่วนของลูกเล่นใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Photoshop CC ก็จะมีระบบช่วยแก้ไขภาพสั่น และเพิ่มความคมชัดให้กับรูปภาพ รวมไปถึงมี Adobe Generator เครื่องมือสำหรับสร้างปลั๊กอินให้กับ Photoshop
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
โปรแกรม Adobe Photoshop CC 2014 ไม่ต่างจากเวอร์ชันเดิมมากนัก ทาง Adobe ยังคงเลือกโมเดลธุรกิจแบบ Creative Cloud เหมือนเดิม แต่ก็มีการเพิ่มเครื่องมือใหม่เข้ามาด้วย ที่น่าสนใจก็อย่าง Content-Aware Tool และ Blur Tool โดยส่วนที่เหลือ ก็จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ของซอฟต์แวร์ให้เร็วยิ่งขึ้น
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) เป็นปีที่มีความพิเศษ เพราะนี่คือปีที่ โปรแกรม Adobe Photoshop มีอายุครบ 25 ปี ทำให้ในปีนี้นอกจาก Adobe จะเปิดตัว Photoshop CC 2015 ออกมาแล้ว ยังมีการเปิดตัว Adobe Stock แหล่งรวมภาพ Stock และฟอนต์ ที่ผู้ใช้ Creative Cloud สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้อย่างสะดวก
ในส่วนของตัว Photoshop CC 2015 เอง ก็เพิ่มความสามารถในการใช้รูปแบบ Layer ได้มากกว่า 1 รูปแบบ ในส่วนของ User Interface ก็มีการปรับปรุงให้ดูเชื่อมต่อกันมากขึ้น และด้วยความที่แท็บเล็ตกลายเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการแต่งภาพนอกสถานที่ Photoshop CC 2015 จึงพัฒนามาให้รองรับการใช้คำสั่งแบบ Gestures บนอุปกรณ์ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสได้ด้วย
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
ถึงมันจะชื่อว่า Photoshop CC 2017 แต่เอาจริง ๆ มันเปิดตัวในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) นะ แต่เพราะมันปลายปีแล้ว ก็เลยตั้งชื่อว่า 2017 ไปเลยล่ะมั้ง
โปรแกรม Adobe Photoshop CC 2017 มาพร้อมกับเทมเพลตแบบใหม่, เครื่องมือค้นหา และบทความช่วยเหลือผู้ใช้ รวมทั้งรองรับระบบฟอนต์แบบ SVG OpenType และปรับปรุงประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ให้ดียิ่งขึ้น
ในเดือนธันวาคม ได้มีการปล่อยอัปเดตเล็ก ๆ เพื่อให้ Photoshop CC 2017 รองรับ Touch Bar ที่มีในเครื่อง MacBook Pro ได้ด้วย
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
Photoshop CC 2018 เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2559) เวอร์ชันนี้มีการอัปเดตระบบจัดการหัวแปรงครั้งใหญ่ สามารถปรับแต่งหัวแปรงได้อย่างอิสระมากขึ้น เช่น สี หรือความโปร่งแสง และยังอนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกการตั้งค่าเอาไว้ได้เป็นอัลบัม เพื่อให้สะดวกต่อการเรียกใช้งานในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มหัวแปรงใหม่เข้ามามากกว่า 1,000 แบบ เข้ามาให้เลือกใช้งาน
มีเครื่องมือ Curvature Pen ที่สาวก Illustrator น่าจะคุ้นเคยกันดี เพื่อช่วยให้การสร้าง Bézier paths ทำได้ง่ายขึ้น และยังมีอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น สามารถเข้าถึง Lightroom Photo ได้โดยตรง, รองรับฟอนต์ได้หลายประเภท, เลือกวัตถุอัตโนมัติ, Copy-paste layers, รองรับการแก้ไขภาพพาโนรามา 360 องศา, รองรับไฟล์ HEIF ฯลฯ
ภาพจาก : https://www.versionmuseum.com/history-of/adobe-photoshop
สำหรับ โปรแกรม Adobe Photoshop CC 2019 (เวอร์ชัน 20) มันถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) เวอร์ชันนี้ ทาง Adobe ได้ตัดสินใจยุติการสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Windows เวอร์ชัน 32 บิต
มันมาพร้อมกับเครื่องมือตัวใหม่ที่เรียกว่า "Frame Tool" เพื่อใช้สร้างเฟรมสำหรับยึดรูปภาพได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น เพิ่มโหมด Multiple Undo, Auto-Commitment และป้องกันการเลื่อนพาเนลโดยที่ไม่ตั้งใจได้ด้วย Lock Work-space, Live Blend Mode Previews ถูกใส่เข้ามาเพื่อช่วยให้เห็นผลลัพธ์ของโหมดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ฯลฯ
ภาพจาก : https://phlearn.com/magazine/ultimate-photoshop-comparison/
โปรแกรม Adobe Photoshop CC 2020 (หรือ Photoshop เวอร์ชัน 21) ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ในเวอร์ชันนี้มีคุณสมบัติใหม่หลายอย่าง รวมถึงปรับปรุงคุณสมบัติเดิมให้ดีขึ้นด้วย ที่หลายคนน่าจะชื่นชอบเพราะทำให้ทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก นั่นก็คือ Object Selection ที่ได้รับการอัปเดตให้มีความฉลาดมากขึ้นทำให้การเลือกวัตถุที่ต้องการง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก, หน้าต่าง Properties แบบใหม่, เพิ่มประสิทธิภาพของ Transform Warp, คีย์ลัดใหม่สำหรับ Paint & Brush และเครื่องมือลบภาพพื้นหลัง
การทำงานของ Content-aware fill และการเปิดแท็บงานใหม่ก็ได้รับการแก้ไขให้ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม ในเวอร์ชันนี้ยังรองรับการทำภาพเคลื่อนไหว GIF แล้วด้วย
Photoshop CC 2020 (เวอร์ชัน 21) ยังเปิดตัว Swatches, Gradients, Patterns, Shapes และ Stylistic ของฟอนต์ OpenType ใหม่ ๆ เข้ามาให้ใช้งาน และผู้ใช้ก็สามารถแปลง Smart Object ให้กลายเป็นเลเยอร์ได้แล้ว รวมถึงการปรับแต่งเลเยอร์แบบ 32 บิต เพื่อแก้ไขค่าความสว่าง, ความตัดกันของสี และเส้นเคิฟได้
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) มันได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 21.1 เพิ่มความสามารถในการถมพื้นที่ว่างของรูปภาพหลายจุดพร้อมกันได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าต่าง Content-aware fill แล้ว, เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Lens Blur และลูกอื่น ๆ ที่อาศัย หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ในการทำงานให้คุณภาพสูงขึ้น และทำงานได้เร็วกว่าเดิม
Photoshop CC 2020 (เวอร์ชัน 21) ยังเป็นเวอร์ชันแรก ที่มีเวอร์ชันสำหรับ iPad ออกมาด้วย โดยทำงานร่วมกับระบบคลาวด์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกไฟล์ PSD เอาไว้บนคลาวด์ เพื่อทำงานได้จากทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ Windows, macOS หรือ iPad ก็ตาม
อย่างไรก็ดี Photoshop เวอร์ชันบน iPad จะไม่ได้มีความสามารถเท่ากับเวอร์ชันบนคอมพิวเตอร์ แต่ทาง Adobe ก็ได้ประกาศว่าจะพยายามอัปเดต Photoshop เวอร์ชัน iPad ให้ทำงานได้เทียบเท่ากับ หรือเหนือกว่าเวอร์ชันบนคอมพิวเตอร์
ภาพจาก : https://www.techradar.com/reviews/adobe-photoshop-cc-2021
โปรแกรม Adobe Photoshop CC 2021 มีการอัปเดตเครื่องมือที่น่าสนใจเข้ามาหลายตัว ลูกเล่นแรกก็จะเป็น "Sky Replacement" เครื่องมือที่ช่วยในการแทนที่ท้องฟ้าในรูปด้วยท้องฟ้าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
ถัดมาก็จะเป็น Neural Filter ที่ช่วยให้การตกแต่งแก้ไขรูปบุคคลทำได้ง่ายกว่าเดิมมาก สามารถรีทัชสีผิว, ลบสิว, ปรับหน้าเนียน หรือเคลื่อนย้ายองคาพยพได้อย่างอิสระ แถมออกมาเนียนอีกด้วย
Intelligence Refine Hair ก็เป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้การทำ Selection เส้นผม หรือขนสัตว์ทำได้ง่าย และดูเนียนกว่าแต่ก่อนมาก ใครที่เคยตัดภาพแนวนี้ น่าจะรู้ดีว่าการทำไดคัทพวกเส้นขนเหล่านี้ให้ออกมาเนียนมันลำบากขนาดไหน
และสำหรับคนที่ชอบสร้าง Pattern ใน Photoshop นี้ก็มี Pattern Preview ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ว่าเมื่อนำไปใช้งานจะออกมาเป็นอย่างไรได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือ Live Shapes, รองรับการติดตั้ง Plugins และอื่น ๆ อีกมากมาย
ภาพจาก : https://www.creativebloq.com/reviews/photoshop-2020
ในโปรแกรม Adobe Photoshop CC 2022 เวอร์ชันนี้ มีการนำ เทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งานมากขึ้น เพื่อช่วยให้การทำงานของผู้ใช้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างเช่น เครื่องมือ Object Finder ที่สามารถวิเคราะห์วัตถุในภาพ เพื่อทำ Selection เลือกวัตถุที่ต้องการได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ซึ่งมันยังสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมือ Mask All Objects ได้ด้วย ทำให้ขั้นตอนในการทำงานง่าย และรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า
Neural Filters มีการเพิ่มเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "Harmonization" เข้ามา ความยากในการซ้อนภาพคือ การทำให้วัตถุที่เรานำมาซ้อนบนพื้นหลังมีค่าแสงที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน หากปรับไม่ดีภาพจะดูลอย ดูปลอมอย่างชัดเจน ซึ่งการจะทำให้เนียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นศิลปะขั้นสูงที่ต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ด้วย Harmonization มันจะสามารถปรับแสงให้เราอัตโนมัติออกมาเนียนอย่างง่ายดาย
ใน Neural Filters ยังมี Landscape Mixer ที่ทำมาเอาใจผู้ที่ชอบถ่ายภาพแนว Landscape โดยมันสามารถปรับโทนภาพให้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เช่น เปลี่ยนโทนแสง, เปลี่ยนฤดูกาล ฯลฯ
และสำหรับผู้ที่ต้องทำงานเป็นทีมในเวอร์ชันนี้ ก็มีการนำระบบคลาวด์เข้ามาช่วยให้คนอื่นสามารถแสดงความคิดเห็นบนไฟล์ของคุณได้
ส่วนผู้ที่ใช้งานโปรแกรม Illustrator คู่กับ Photoshop ในเวอร์ชันนี้ เราสามารถคัดลอกรูปที่เป็น Vector ออกมาโดยแยกมันออกเป็นเลเยอร์ได้แล้ว
สุดท้ายที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือ ระบบสอนใช้งานที่ใส่เข้ามาในตัว Photoshop เลย เพื่อช่วยสอนมือใหม่ให้เข้าใจวิธีการใช้งานแต่ละเครื่องมืออย่างง่าย ๆ
ภาพจาก : https://www.softwarehow.com/photoshop-cc-review/
เป็นเรื่องยากที่จะคิดว่า จะต้องใส่อะไรเข้ามาอีก Photoshop ถึงจะแจ่มกว่าเดิม เพราะมันพัฒนามาไกลมาก ๆ แล้ว และผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าอะไรที่ทำได้ก็น่าจะถูกพัฒนาให้หมดแล้ว แต่ Adobe ก็ยังคงทำได้ โดยในเวอร์ชันนี้ จะเน้นไปที่การลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น เพื่อให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่น
การทำ Content Aware Fill ที่เดิมทีเราต้องเลือกพื้นที่ก่อน จากนั้นก็ทำการเลือกพื้นที่รอบ ๆ แต่ในเวอร์ชันนี้สามารถ ลบแล้ว Fill ได้เลย
มาต่อกันที่ Gaussian Blur ฟิลเตอร์ที่เราน่าจะใช้งานกันเป็นประจำเวลาที่ต้องการเบลอ หรือเซ็นเซอร์อะไรสักอย่าง ซึ่งเดิมทีเราต้องสั่งเบลอไปก่อน แล้วมาดูผลลัพธ์ในภายหลังว่าค่าความเบลอตรงกับความต้องการหรือเปล่า โดยในเวอร์ชันนี้จะเพิ่มฟิลเตอร์ Gaussian Blur (Live) เข้ามา โดยทำงานเหมือนของเดิม แต่จะเห็นผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ และก็มีเครื่องมือปรับแต่งเพิ่มเติมให้ใช้งานอีกเล็กน้อย ซึ่งในการกำหนดพื้นที่เบลอสามารถใช้เครื่องมือ Brush ได้ด้วย ทำให้ทำงานสะดวกกว่าเดิม แถมยังมีคุณสมบัติ "Prevent Colour Bleeding" ใส่เข้ามาด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเบลอตามขอบของจุดที่เราเลือกไว้
การทำ Gradient ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่น่าปวดหัว เราต้องลากซ้ำไปซ้ำมากว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่ใน Photoshop เวอร์ชันนี้ คุณจะเห็นผลลัพธ์ในทันทีที่เริ่มลาก จนสงสัยว่าทำไมมันถึงเพิ่งทำมาให้นะ และสามารถบันทึกรูปแบบ Gradient ที่ตั้งค่าไว้ใช้งานได้ในอนาคต
อีกจุดหนึ่งที่คนธรรมดาอาจไม่ใส่มันมากนัก แต่สำหรับคนที่ทำงานสายออกแบบน่าจะต้องใช้งานมันประจำ นั่นก็คือเส้นไกด์ ใน Photoshop เวอร์ชันนี้ สามารถปรับแต่งไกด์ได้มากขึ้น วางเลย์เอาท์ได้ง่ายกว่าเดิม หรืออยากเปลี่ยนสีของเส้นไกด์ก็สามารถทำได้แล้ว
สุดท้ายก็จะเป็น ระบบค้นหาในหน้า Preferences หน้าต่างที่ใช้ในการตั้งค่าการทำงานของ Photoshop มันอาจจะไม่ใช่หน้าที่เราเข้าไปบ่อยมากนัก แถมตัวเลือกที่มีให้ตั้งค่าในนั้นก็มีค่อนข้างเยอะ การที่ทาง Adobe ใส่ระบบค้นหาเข้ามาจึงเป็นเรื่องเข้าท่าเข้าทางอยู่
เป็นอย่างไรกันบ้าง ต้องยอมรับว่า โปรแกรม Adobe Photoshop นั้น จัดว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่มาไกลมาก ๆ และอยู่ยงคงกระพันมาอย่างยาวนาน แม้จะมีซอฟต์แวร์แต่งภาพหลายตัวถูกพัฒนาขึ้นมาแข่งขัน แต่ก็ยังไม่มีใครแซงได้ เพราะทาง Adobe เองก็ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนามันเหมือนกัน ใครที่สนใจอยากใช้งาน Photoshop ทาง Thaiware เองก็มีจัดจำหน่ายนะ ลองเข้าไปเลือก ซื้อโปรแกรม Adobe Photoshop เลย